อยากลบแผลเป็นต้องทำยังไง
ปัญหาความงามของผิวพรรณที่พบได้บ่อยๆ นอกจากเรื่องสิวฝ้าหรือริ้วรอยแล้ว “แผลเป็น” ก็คืออีกปัญหาหนึ่งที่สร้างความหนักใจไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยแผลเป็นลักษณะนูนหรือแผลคีลอยด์อยู่ในตำแหน่งมองเห็นชัดเจน จะแต่งตัวตามแฟชั่นเปิดไหล่หรือโชว์ผิวก็ไม่มั่นใจ จนอยากจะลบแผลเป็นที่ “เป็นแผลชีวิต” ออกไปโดยเร็วที่สุด
แผลเป็นรักษาได้หรือไม่
การรักษาแผลเป็นในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงมากน้อยที่เป็น อาจจะใช้แค่เพียงวิธีเดียวหรือหลายๆ วิธีร่วมกัน เพื่อช่วยให้แผลดูกลืนไปกับผิวจนสังเกตเห็นได้ไม่ชัด โดยควรรักษาด้วยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ไม่เกิดแผลเป็นซ้ำหรือมีอาการรุนแรงมากกว่าเดิมระยะเวลาที่ใช้รักษาแผลเป็น
ปกติการรักษาแผลเป็นจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควร โดยเฉพาะแผลคีลอยด์ที่มีระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 1 – 6 เดือน แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาจากแพทย์จนแผลเป็นยุบตัวลงแล้ว ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าหายขาดได้ 100% หรือไม่ เพียงแค่ถ้ารักษาด้วยวิธีเหมาะสมจะช่วยชะลอการเกิดขึ้นใหม่และลดขนาดของแผลเป็นได้เท่านั้นวิธีรักษาเพื่อลบแผลเป็น
- ยาทา เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด ซึ่งเหมาะกับแผลเป็นระยะแรกๆ หรือมีขนาดเล็ก จะช่วยให้รอยแผลเป็นนั้นมีสีจางลงพร้อมกับช่วยลดอาการคัน แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการทายานานจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ยาที่มีวิตามินเอและวิตามินอีเป็นส่วนประกอบ หรือยาประเภทซิลิโคนเจล เป็นต้น
- แผ่นซิลิโคนเจล ช่วยลดการสูญเสียน้ำออกจากปากแผล ลดการขยายตัวของแผลเป็นที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ลดการทำงานของเส้นเลือดฝอยและกระบวนการสร้างคอลลาเจน โดยนำมาใช้ปิดทับแผลเป็นวันละ 12 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 4 – 6 เดือน แต่จะเหมาะสำหรับแผลเป็นที่นูนหรือมีสีแดงและสีคล้ำเท่านั้น
- เลเซอร์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของแผลเป็นที่ตื้นๆ หรือลดความแดงและทำให้แผลเป็นนูนนั้นยุบตัวลง
- ฉีดยาสเตียรอยด์ วิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น ซึ่งจะฉีดยาตรงแผลเป็นเดือนละครั้ง แต่จำนวนครั้งที่ฉีดจะขึ้นอยู่กับอาการความรุนแรงของแผลเป็นแต่ละคน
- การผ่าตัด แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเอาแผลเป็นเก่าออกแล้วค่อยเย็บใหม่ หรือย้ายผิวหนังบริเวณอื่นมาช่วยปิดสำหรับกรณีที่แผลเป็นมีความกว้าง โดยวิธีนี้จะเหมาะสำหรับแผลเป็นที่มีความสมบูรณ์เต็มที่แล้ว
- ฉีดสารเติมเต็ม วิธีนี้เหมาะกับแผลเป็นที่เป็นรอยบุ๋มลึก เพื่อช่วยให้แผลเป็นนั้นตื้นขึ้น ส่วนสารที่ใช้ฉีดมักจะเป็นคอลลาเจนหรือกรดไฮยาลูรอนิก แต่จะได้ผลนาน 6 – 8 เดือน ก็ต้องกลับมาฉีดใหม่
- การสักสีผิว แผลเป็นที่มีสีเข้มหรืออ่อนกว่าสีผิวปกติ แพทย์มักจะแนะนำวิธีการสักรักษาโดยใช้สีที่ใกล้เคียงกับสีผิวปกติมากที่สุด แล้วนำมาสักบริเวณแผลเป็นให้กลมกลืนกัน
การดูแลแผลเป็นด้วยตนเองหลังรักษา
การดูแลแผลเป็นหลังจากได้รับการรักษาก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อช่วยในการป้องกันที่จะเกิดแผลเป็นขึ้นใหม่ โดยหลีกเลี่ยงการขัดถูและแกะเกาแรงๆ หรือพฤติกรรมที่ทำให้แผลมีอาการระคายเคือง พร้อมกับระมัดระวังป้องกันไม่ให้แผลเกิดการติดเชื้อหรือโดนน้ำจนกว่าจะถึงเวลาตัดไหม หากรักษาด้วยการผ่าตัดก็ล้างมือให้สะอาดแล้วหมั่นนวดแผล ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นใหม่ได้ค่ะข้อมูลอ้างอิง
Medthai. (2557) 17 วิธีรักษาแผลเป็น วิธีลบรอยแผลเป็น & คีลอยด์ อย่างได้ผล. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2561, จาก http://medthai.com/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99/
ยันฮี. (2560) การรักษาแผลเป็น. สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2561, จาก https://th.yanhee.net/%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%96%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99/
Posting Komentar
Posting Komentar