ลดพุงให้ถูกทาง
คำว่า “พุง” แค่พูดเบาๆ ก็เจ็บลึกสำหรับผู้คนมากมาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่กำลังกังวลถึงรูปร่างของตนเอง ทำให้ต้องเร่งลดพุงเป็นการด่วน แต่ลักษณะของพุงหรือหน้าท้องก็แบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท แต่ละประเภทจะบ่งบอกถึงสุขภาพและมีวิธีการลดพุงที่แตกต่างกันออกไป
แบบสแปร์ไทร์ (The Spare Tire)
พบมากในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ และชื่นชอบอาหารหวานเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งยังออกกำลังกายไม่เพียงพอ ซึ่งหากละเลยก็อาจจะส่งผลให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณสะโพกและต้นขาได้ แต่พุงประเภทนี้กลับสามารถลดได้ง่ายที่สุดวิธีลดพุง สำหรับสายแฮงก์เอาท์ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จากนั้นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะไขมันชนิดดี พร้อมกับออกกำลังกายให้มากขึ้น เน้นการเดินเร็วและเวทเทรนนิ่ง ลดอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งหรือใช้สารเคมี
แบบลิตเติ้ลพุช (The Little Pooch)
พบมากในผู้หญิงที่ทำงานยุ่งแล้วรับประทานแต่อาหารเดิมๆ และออกกำลังกายวิธีเดิมๆ จึงทำให้ร่างกายผอมลงแต่มีพุงแบบนี้แทน ถ้าออกกำลังกายด้วยการซิทอัพหรือเครื่องออกกำลัง Ab – Rollers จะยิ่งสร้างแรงดันที่บริเวณหลังช่วงล่างและกล้ามเนื้อสะโพก ส่งผลให้กล้ามเนื้อหน้าท้องยื่นออกมาคล้ายพุงได้วิธีลดพุง รับประทานผักใบเขียวและธัญพืชเพื่อให้ได้รับใยอาหารอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เป็นการแก้ปัญหาระบบการย่อยอาหารที่ก่อให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูก หากออกกำลังกายด้วยท่าซิทอัพเป็นประจำ ให้เช็คว่าทำท่าอย่างถูกต้องหรือไม่ แล้วควรยกเวทขณะทำท่าลันจ์หรือสควอทเพื่อเบิร์นไขมันควบคู่ไปด้วย
แบบสเตรสทัมมี่ (The Stress Tummy)
มีสาเหตุมาจากปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่ทำให้มีอาการท้องอืดหรือทำให้หน้าท้องดูใหญ่ขึ้น อย่างเช่นภาวะลำไส้แปรปรวน โดยสามารถเช็กได้จากการคลำบริเวณด้านหน้ากระบังลมและสะดือ ถ้ามีลักษณะแข็งๆ ก็จัดว่าเป็นพุงประเภทนี้วิธีลดพุง อันดับแรกที่ควรปฏิบัติคือเปลี่ยนเวลานอนให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารกับระบบเผาผลาญพลังงานได้ดี พยายามผ่อนคลายความเครียดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แต่หันมาใช้วิธีเดินไกลหรือฝึกโยคะ ลดการดื่มกาแฟ จากนั้นรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงเพื่อช่วยบรรเทาความเครียด
แบบโบลทด์ทัมมี่ (The Bloated Tummy)
พุงประเภทนี้เรามักจะสังเกตได้จากหน้าท้องที่แบนราบตอนเช้า แต่จะมีลักษณะพุงป่องตอนเย็นอันเนื่องมาจากอาการท้องอืดหรือมีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีแป้งและไขมันสูง รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนม หรือเกิดจากการแพ้อาหารและลำไส้ทำงานช้าวิธีลดพุง ควรรับประทานอาหารมื้อเช้าอย่างสม่ำเสมอแล้วหลีกเลี่ยงมื้อดึก ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากนมและข้าวสาลี รวมทั้งอาหารที่ระบุว่ามีโปรตีนกลูเตนและยีสต์ นอกจากนี้ควรฝึกการหายใจด้วยการหายใจลึกๆ เข้าไปในท้อง 10 ครั้ง และควรเดินออกหลังรับประทานเสร็จแล้วทุกมื้อ
แบบมัมมี่ทัมมี่ (The Mummy Tummy)
พบมากในคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกคนแรกไม่นาน รวมทั้งคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองเท่าไร เนื่องจากมดลูกต้องใช้เวลาในการลดขนาดหลังคลอดนานพอสมควร กว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหรืออย่างน้อย 6 สัปดาห์ขึ้นไปวิธีลดพุง ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันชนิดดีให้มากขึ้น เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันพร้อมกับลดการสะสมของไขมันให้น้อยลง งีบหลับระหว่างวันเพิ่มการพักผ่อนบ้าง จากนั้นออกกำลังกายเบาๆ เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเชิงกรานที่จะช่วยให้พุงยุบได้ ด้วยการฝึกขมิบกล้ามเนื้อเชิงกรานอย่างน้อยรอบละ 15 – 20 ครั้ง วันละ 5 รอบ และหลีกเลี่ยงการซิทอัพ
วิธีลดพุงให้ถูกทางจึงควรเริ่มต้นการสังเกตลักษณะของพุงตัวเองก่อนว่าเป็นแบบใด จะช่วยให้เราพบสาเหตุและสามารถลดพุงได้อย่างถูกวิธี จนกระทั่งกลับมามีหน้าท้องที่แบนราบสวยงามสมดังใจได้ค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
PositiveMed. (No Date) What’s Your Tummy Type and How to Get Rid of It. สืบค้นเมื่อ 30 ตุลาคม 2561, จาก http://positivemed.com/2014/06/16/whats-tummy-type/
Posting Komentar
Posting Komentar