นอนไม่หลับทำอย่างไรดี
อาการนอนไม่หลับสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจได้มาก หากนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องจนเป็นอาการเรื้อรัง จะมีผลกระทบต่อด้านร่างกาย ความจำ และอารมณ์ จนกระทั่งภูมิต้านทานโรคลดลงแล้วทำให้เราเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งถ้าอยากนอนหลับให้สบายอย่างเต็มอิ่ม เรามีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำกันค่ะ
อาการแบบไหนที่เรียกว่านอนไม่หลับ
ก่อนอื่นเราควรทำความเข้าใจว่า อาการนอนไม่หลับนั้นไม่ใช่โรคหรืออาการร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ การงาน และความสัมพันธ์ต่อบุคคลอื่น โดยเริ่มต้นจากการนอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ หรือตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่นราวกับนอนไม่เต็มอิ่มวิธีแก้ปัญหาอาการนอนไม่หลับ
- นอนและตื่นเวลาเดิม พยายามเปลี่ยนนิสัยด้วยการเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันของทุกวัน เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชินกับวงจรการนอนหลับตามธรรมชาติ
- ปิดอุปกรณ์ทุกชนิด โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแสงสว่าง เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และโทรทัศน์ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วนในการระงับการหลั่งสารเมลาโทนิน จึงทำให้นอนหลับยากขึ้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพียงแค่ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ด้วยการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่การเดินเร็ว โดยถ้าออกกำลังกายในช่วงเย็นๆ หรือ 4 – 6 ชั่วโมงก่อนนอน จะช่วยให้หลับง่ายและเร็ว
- อาบน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายและจิตใจที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาทั้งวัน อาจจะหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์หรือคาโมมายล์ลงไปเล็กน้อย รวมทั้งการแช่เท้าในน้ำอุ่นก็สามารถช่วยให้หลับสบายได้เช่นกัน
- ผ่อนคลายความเครียด ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน จงหยุดคิดเรื่องต่างๆ ที่หนักสมองหรือทำให้รู้สึกเครียดมากขึ้น เพราะจะเป็นการกระตุ้นสมองจนนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทได้
- ห้ามนอนกลางวัน การงีบหลับเวลากลางวันสามารถทำให้เราตื่นตัวในช่วงบ่ายได้ดี แต่ก็มีผลเสียที่ทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืนอีกด้วย ดังนั้นหากต้องการงีบหลับจริงๆ ควรนอนก่อน 15.00 น. และใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
- หลีกเลี่ยงการใช้สารกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนแต่ทำให้มีอาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิททั้งสิ้น
- หลีกเลี่ยงมื้อดึก การรับประทานอาหารจนอิ่มก่อนเข้านอนนั้นมีผลทำให้คลื่นสมองตื่นตัวจนฝันร้าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารหนักๆ อย่างน้อย 2 – 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนอีกด้วย
- ทำห้องนอนให้น่านอน เพราะห้องนอนที่มีอากาศเย็นสบาย มืด และเงียบสนิท จะยิ่งส่งผลให้เรารู้สึกหลับสบายมากยิ่งขึ้น แต่ต้องงดเล่นโทรศัพท์หรือเอางานมาทำให้ห้องนอนด้วยเช่นกัน
ถ้าลองปฏิบัติตามคำแนะนำครบทุกข้อแล้วยังนอนไม่หลับ ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ก่อนที่จะเป็นอาการเรื้อรังแล้วรักษายากจนกระทั่งส่งผลเสียในระยะยาวได้ค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง : www.modernmommag.com
http://th.theasianparent.com/
Posting Komentar
Posting Komentar